วิธีเลือกซื้อ กระเป๋าเดินทาง ให้คุ้มค่า
สิ่งสำคัญในการเดินทางก็คือกระเป๋าเดินทาง มีให้เลือกหลายแบบ วัสดุที่ใช้ทำกระเป๋าเดินทางก็มีหลายแบบด้วยกัน เราคงจะไม่ได้ซื้อกระเป๋ากันบ่อยๆ ดังนั้นตอนเลือกซื้อก็ควรพิจารณา ในการเลือกซื้อกระเป๋าเดินทางให้ใช้ได้นานๆ และคุ้มค่ากับเงินที่จะต้องจ่ายค่ะ หลายท่านเห็นกระเป๋าราคาถูกจึงซื้อ แต่ใช้ไม่นานก็เจอปัญหา เช่น ล้อหลุด หูหิ้วแตกหัก ซิ๊ปแตก ดังนั้นควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณและจุดต่างๆที่ต้องพิจารณาดังนี้ค่ะ
1. วัสดุที่ทำกระเป๋า
สำหรับท่านที่ค่อนข้างจะไปเมืองที่เจอฝนบ่อยๆ หรืออากาศหนาว(แบบหิมะตก) ให้เลี่ยงกระเป๋าที่ทำจากหนัง ไม่ว่าจะหนังแท้หรือหนังเทียม และผ้าแบบธรรมดา ไม่อย่างนั้นสัมภาระและเสื้อผ้าในกระเป๋า อาจจะกลายเป็นอ่างเก็บน้ำแน่ๆค่ะ วัสดุของกระเป๋า ก็เกี่ยวเนื่องกับราคาด้วยเช่น ราคากระเป๋าถูกๆ วัสดุที่ใช้ก็อาจจะเปราะบาง ดังนั้นต้องดูดีดีว่า ตัวกระเป๋านั้นมันเป็นวัสดุที่ทำจากอะไร
1.ทำจากผ้า
ให้เลือกอยู่หลาบแบบ คุณสมบัติของผ้าคือมีความยืดหยุ่นสูง เช่น ผ้า Nylon, Tylon, Teflon Tylon แบบ Teflon Tylon จะมีราคาสูงกว่าเพราะมีผสมคุณสมบัติที่ยืดหยุ่นสูง กันน้ำได้ดี(แบบฝนตกจะช่วยกันน้ำได้ ) และไม่ฉีกขาดง่าย ส่วนราคาก็จะสูงเช่นกัน
ให้เลือกอยู่หลาบแบบ คุณสมบัติของผ้าคือมีความยืดหยุ่นสูง เช่น ผ้า Nylon, Tylon, Teflon Tylon แบบ Teflon Tylon จะมีราคาสูงกว่าเพราะมีผสมคุณสมบัติที่ยืดหยุ่นสูง กันน้ำได้ดี(แบบฝนตกจะช่วยกันน้ำได้ ) และไม่ฉีกขาดง่าย ส่วนราคาก็จะสูงเช่นกัน
2.ทำจากพลาสติก
วัสดุจำพวกพลาสติก แบบนี้มีให้เลือกหลากหลายมาก แบบที่นิยมใช้กันสูงสุด คือ
1.แบบ ABS (Acrylonitrile-Butadiene-Styrene ) ลักษณะจะมีความแข็งแรง มีความยืดหยุ่นให้ตัวได้พอสมควร ในกรณีที่เกิดการตกหล่น ก็จะไม่แตกง่าย กันสารเคมี(ที่ไม่มีมีฤทธิ์กัดกร่อน)ได้ ราคาค่อนข้างย่อมเยาว์ แต่มีข้อเสียอยู่ตรงที่ผิวอาจจะมีริ้วรอยหากถูกขูดขีดตามการใช้งาน และมีน้ำหนักมากค่ะ
1.แบบ ABS (Acrylonitrile-Butadiene-Styrene ) ลักษณะจะมีความแข็งแรง มีความยืดหยุ่นให้ตัวได้พอสมควร ในกรณีที่เกิดการตกหล่น ก็จะไม่แตกง่าย กันสารเคมี(ที่ไม่มีมีฤทธิ์กัดกร่อน)ได้ ราคาค่อนข้างย่อมเยาว์ แต่มีข้อเสียอยู่ตรงที่ผิวอาจจะมีริ้วรอยหากถูกขูดขีดตามการใช้งาน และมีน้ำหนักมากค่ะ
2.แบบ PC (Polycarbonate) ซึ่งเป็นพลาสติกใสชนิดที่ คุณสมบัติแข็งแรง ทนทานดีมาก ทนความร้อนขณะใช้งานได้ หากนำไปใช้กับใยแก้วเป็นผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์กลาสจะทนทานมากยิ่งขึ้น เป็นฉนวนไฟฟ้าดี ทนกรดด่างได้ดี การใช้ประโยชน์ เช่น ขวดนมเด็กชนิดดี โคมไฟฟ้าสาธารณะ แว่นกันแดด ข้อดีเลยคือ น้ำหนักเบา มีความเหนียวยืดหยุ่นสูงกว่าแบบแรกมากกว่า และแน่นอนราคาก็แพงกว่าไปด้วย ถือเป็นแบบที่นิยม
3.แบบ PP (Polypropylene) แบบนี้จะคล้ายกับแบบ PC คือใช้พลาสติกที่ทำขวดนมเหมือนกัน เป็นพลาสติกที่มีความ ใส ทนทานต่อความร้อน คงรูป เหนียว และทนแรงกระแทกได้ดี นอกจากนี้ยังทนต่อสารเคมีและน้ำมัน
2. ซิป และ รูสำหรับล็อคกระเป๋า
เป็นจุดที่ต้องเปิดใช้บ่อยๆ ควรเลือกซิปที่แข็งแรง เพราะเป็นจุดที่เราเปิดเข้าออก และเสียหายง่ายที่สุด และควรทดสอบรูดซิปเปิดปิดหลายๆรอบ ซิปต้องขนาดใหญ่ดึงแล้วเปิดออกง่ายไม่ติดไม่กินตัวเนื้อผ้ากระเป๋า และตัวจับมีความแข็งแรง ซิปต้องวิ่งได้ทั้งสองทิศทาง สะดวกในการใช้ เปิดด้านไหนก็ได้ นอกจากตัวซิปต้องแข็งแรงแล้ว การตัดเย็บ ความเรียบร้อยของงาน ทั้งภายในและภายนอก ต้องแน่นหนา สำหรับรูสำหรับล๊อคกระเป๋า บางท่านมองว่าไม่สำคัญ จริงๆแล้วการเดินทางทุกครั้ง จำเป็นต้องล๊อคกระเป๋าทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย ดังนั้นปราการแรกที่หัวขโมยจะต้องเจอคือ ที่ล๊อคกระเป๋า ดังนั้นกระเป๋าควรมีที่ล๊อคที่แน่นหนา ซึ่งจะทำให้กระเป๋าเดินทางอยู่กับเราได้ยาวนานค่ะ
3. ล้อ
ส่วนนี้เป็นส่วนที่อ่อนแอและมีความเสี่ยงความเสียหายมากที่สุดในการขนส่ง สายการบินทั่วไปจะปฏิเสธความรับผิดชอบสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับล้อ และผู้ผลิตบางรายจึงมักยกเว้นในส่วนของล้อในการรับประกันของบริษัท ล้อที่ดีที่สุดควรเป็นล้อยางทั้งลูก ชนิดที่มีตลับลูกปืน ล้อควรฝังอยู่ภายในกระเป๋า โดยเฉพาะกระเป๋าที่จะโหลดไว้ใต้ท้องเครื่องบิน ขนาดขอล้อก็ควรพอเหมาะกับขนาดและน้ำหนักของสิ่งของ ส่วนมากราคากระเป๋าที่ราคาถูกจะใช้วัสดุไม่ดี รวมถึงล้อด้วย
กรณีล้อเกิดความเสียหายเนื่องจากการขนย้าย
4. หูหิ้ว หรือ หูที่ลาก
หูหิ้วควรทำจากวัสดุที่ดี ไม่ขาดง่าย การตัดเย็บติดกับตัวกระเป๋าต้องแน่นหนา หูหิ้วกระเป๋าที่ดีควรทำจากอลูมิเนียมหรือไฟเบอร์กลาส เพราะทั้งเบาและทนทานนานปี หูหิ้วแบบยืดหดควรติดตั้งภายในกระเป๋าเป็นอย่างดี เพื่อป้องกันความเสียหายของเสาคันชัก เพราะคันชักมักจะเสียหาย จากแรงกระแทกจนทำให้ยืดหดคันชักไม่ได้ แต่ในกรณีที่เป็นกระเป๋าหิ้วติดตัวก็ไม่จำเป็นต้องให้คันชักมีเสาอยู่ด้านในก็ได้ เพราะคันชักที่อยู่ด้านนอก จะมีความเสี่ยงจากการเสียหายน้อยกว่าคันชักที่อยู่ภายใน และควรลองก่อนซื้อ หากหูหิ้วมีอาการฝืด ติด ชะงัก อย่าได้คว้ามาเด็ดขาด เพราะในอนาคตมันจะยิ่งฝืด ยิ่งติด ไปมากกว่านี้
กรณีเกิดความเสียหายของมือจับ(หูหิ้ว)กระเป๋ารายนึง
5. เล็กหรือใหญ่อันไหนดี
สิ่งของที่คุณจะบรรจุลงในกระเป๋าอาจมีน้ำหนักประมาณ 20-30 กก. แต่น้ำหนักกระเป๋าที่ใหญ่เล็กต่างกัน 4-6 นิ้ว อาจมีน้ำหนักต่างกันเพียงครึ่งกิโลเท่านั้น และคุณจะรู้ว่าถ้ากระเป๋าไม่พอคุณต้องซื้อกระเป๋าอีกใบที่น้ำหนักอย่างต่ำก็ประมาณ 3-4 กก. และที่สำคัญในกรณีเดินทางด้วยเครื่องบิน อย่าลืมว่ายิ่งน้ำหนักกระเป๋ามากขึ้น คุณอาจจะต้องจ่ายค่าน้ำหนักกระเป๋าที่เพิ่มขึ้นด้วยนะค่ะ
6. เลือกขนาดกระเป๋าตามความเหมาะสม
ควรเลือกขนาดกระเป๋าเดินทางให้พอเหมาะกับเวลาเดินทาง โดยส่วนใหญ่กระเป๋าขนาด 20-24 นิ้ว จะเป็นกระเป๋าที่บรรจุสิ่งของได้ขนาดกำลังดี ส่วน ขนาดกระเป๋า 20 นิ้วลงไป จะเป็นกระเป๋าที่เหมาะกับทริปแค่ 1-3 วัน แถมยกขึ้นไปไว้บนเครื่องได้อีกด้วย แต่ถ้าชอบใบใหญ่ size 28 เหมาะกับการเดินทางไปหลายวัน หรือต้องการขนของเยอะจริงๆ เป็น size มาตราฐานสากลแล้วเพราะสามารถยกขึ้นไปไว้ในรถได้สะดวก สิ่งนึงที่ต้องตระหนักเสมอคือถ้าคุณเดินทางคนเดียว และรูปแบบการเดินทางจากเครื่องบินไป ขึ้นรถ หรือต่อด้วยลงเรือ กระเป๋ายิ่งใบใหญ่เท่าไหร่ นั้นคือภาระที่คุณจะต้องรับเลยนะค่ะ
7. อย่าไปยึดติดกับยี่ห้อ
คนทั่วไปจะคุ้นเคยกับชื่อ Samsonite และ american tourister เพราะเป็นเจ้าแรก ๆ ที่ขายมานาน แต่ก็ยังมีหลายยี่ห้อที่อาจจะไม่ได้ดังมากนักแต่คุณภาพก็ใช้ได้เช่นกัน สำคัญที่สุดคือคุณควรจะลองเลือกการใช้งานต่างๆที่เข้ากับคุณและอรรถประโยชน์ที่คุณต้องการค่ะ
8. ซื้อกระเป๋ากับร้านที่มีความรู้ด้านกระเป๋า
เวลาคุณไปซื้อ ควรบอกความต้องการของคุณ อย่าไปกลัวที่จะถามคนขาย เกี่ยวกับคุณสมบัติของสินค้า ความทนทาน หน้าที่การทำงานต่างๆ และที่สำคัญ การบริการหลังการขาย และเงื่อนไขการรับประกันและก่อนซ่อมบำรุง
9.การรับประกัน
กระเป๋าทุกยี่ห้อจะรับประกันก็ต่อเมื่อมีความเสียหายที่เกิดจากการผลิตเท่านั้น เช่น ซิปผิดปกติ รอยเย็บเบี้ยว หูลากหลุดหรือน็อตหลุด การรับประกันส่วนใหญ่จะเป็นของผู้ผลิต ไม่ใช่เป็นของร้านที่ขายดังนั้นไม่ควรไปเชื่อกับการรับประกันของร้านมากนัก และควรตรวจสอบระยะเวลา และเงื่อนไขการรับประกันให้เรียบร้อย กระเป๋าเดินทางที่ดีจะต้องมีรับประกันการใช้งานติดมาด้วย 1-10 ปี บางที่เขียนรับประกันไว้เฉยๆโดยไม่รับประกันจริงต้องระวัง นอกจากนี้ควรเก็บใบรับประกันไว้ เพื่อใช้ในกรณีกระเป๋าเกิดความเสียหายด้วยนะคะ
source:
http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2008/11/H7212939/H7212939-13.jpg
http://www.onschannel.com/attach/files/images/5001.jpg
http://vietnamdomesticflights.com/sites/default/files/imce/taxi-booking-height-and-luggage-size.jpg
http://f.ptcdn.info/783/028/000/1424849176-IMG65771-o.jpg
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น